ปมวิศวกรจบชีวิต ทิ้งจดหมายแฉทุจริต อัยการอาวุโสชี้ “กินหัวคิว” มีเยอะ

อัยการอาวุโส วิเคราะห์ปม วิศวกร หนุ่มจบชีวิต ทิ้งจดหมายลาตาย ด้วยเหตุว่ายอมรับการรับเงินใต้โต๊ะไม่ได้ ชี้ควรมีการตรวจสอบความเป็นจริงอย่างละเอียด ย้ำชัดเรื่องแบบงี้เกิดขึ้นหลายครั้งในประเทศไทย

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ในรายการ “เปิดปากกับภาคภูมิ” ทางไทยรัฐทีวีช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับ อาจารย์ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส สำนักงานสอบสวน ปมวิศวกรหนุ่มจบชีวิต ทิ้งจดหมายลาตาย ยอมรับการทุจริตรับเงินใต้โต๊ะไม่ได้ ซึ่งทางบิดามารดาผู้ตายอยากให้หน่วยงานตรวจสอบความเป็นจริงตามที่จดหมายได้เขียนไว้

อาจารย์ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส สำนักงานสอบสวน บอกว่า ความจริงบิดามารดาไม่ต้องขอร้องให้ตรวจสอบ เป็นหน้าที่ของหน่วยงานไม่ว่าจะเป็น สำนักงานคณะกรรมการป้องและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ท. ต้องเข้าไปตรวจสอบ ตนเองทำงานผ่านสำนวนเกี่ยวกับการทุจริตปราบปรามมา 2 ปี

ปีแรกสามร้อยกว่าเรื่อง ปีที่ผ่านมาก็ห้าร้อยกว่าเรื่อง ที่มาถึงก่อนให้อัยการสืบสั่ง คดีทุจริตประมาณ สิ้นเดือนกันยายนทั่วทั้งประเทศ มีประมาณ 2,200 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการประมูลงานฮั้วประมูล ไม่ขึ้นขั้นเงินเดือน มีหมดทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง การต่ออายุสัญญาเรียกเงินเรียกทองทั้งนั้น

ส่วนในกรณีการเสียชีวิตนั้นของวิศวกรที่ตัดสินใจลาออก เพราะรับระบบทุจริตไม่ไหว ก่อนจบชีวิต ในระบบปกครองส่วนท้องถิ่น คนที่จะรับเงิน ถ้าหากตัวใหญ่ไม่รับเอง ก็ให้ตัวเล็กไปรับแทนเหมือนในจดหมาย เพื่อจะตัดตอน อันที่จริงแล้วข้าราชการต้องรู้ เวลารับเงินรับทอง

กฎหมาย พ.ร.บ.ว่าด้วยการปราบปรามด้วยการทุจริต ปี 2561 ถ้าหากข้าราชการให้การเป็นประโยชน์ สำนักงานคณะกรรมการป้องและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ท. จะกันเป็นพยาน ในกรณีที่ถูกใช้ไปรับเงิน แล้วขัดไม่ได้ ให้ทำแล้วส่งรายงานไป สำนักงานคณะกรรมการป้องและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จะไม่ต้อง ถูกดำเนินคดี ถ้าหากตนรู้จักจะบอกแล้วว่าอย่าจบชีวิตแบบนั้น ต้องสู้ต่อไป

เปิดปากกับภาคภูมิ

ทำเช่นไรให้การเสียชีวิตไม่เสียเปล่า

สำนักงานคณะกรรมการป้องและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต้องออกหน้า อย่ายกย่องเฉพาะคนเป็น ยกตัวอย่างการทุจริตนั้น จะมีการวางงบประมาณไว้ก่อน พอผ่านสภาเสร็จแล้ว ก็จะเริ่มตั้งแต่เจ้าหน้าที่จัดจ้างลงมือทำ เพราะฉะนั้นคดี สำนักงานคณะกรรมการป้องและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จะไม่เหมือนคดีฆ่าคนตาย ต้องใช้เวลาในการวางแผน เหมือนการประมูลในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ต้องมีการประกาศลงระบบในเว็บไซต์ท้องถิ่น บางครั้งก็ทำหนังสือปลอมว่าลงแล้ว แต่จริงๆ ไม่ได้ลง แล้วมีบริษัทยื่นเข้ามาเสนอประมูล อย่างน้อยต้อง 2 บริษัท

แต่จุดที่น่าสงสัย ในจดหมาย คือ ในจดหมายที่บอกว่า มีบริษัทเดียว รับเหมาได้ 7 โครงการ เพราะปกติเวลาทำต้องมีการตั้งบริษัท 2-3 แห่ง เหมือนการแข่งฟุตซอล ต้องมาประมูลแข่งกัน

ส่วนในกรณีการประมูลงานที่ตั้งไว้ 600,000 แต่ประมูลได้ในราคา 400,000 บาท ถ้าหากเป็นโครงการที่สมบูรณ์แบบแสดงว่ากำหนดราคากลางไว้สูง แต่จริงไม่ถึง 400,000 ในมุมนึงคือมองว่าช่วยรัฐประหยัดงบ แต่จริงแล้วอยู่แค่ 400,000 อยู่แล้ว เพราะเวลาประมูล ก็จะเบิกเงินก้อนแรกประมาณ 11% แต่กำหนดราคาสูง เพื่อสร้างเครดิตตัวเอง ให้เป็นผลงานว่าตนเองสามารถประหยัดงบประมาณได้ แต่สุดท้ายทำไม่ได้จริง

บางพื้นที่รับเงินไปเรียบร้อยถนนขาดครึ่งกิโลฯ ก็โดนฟ้อง มีการฟ้องเรียกเงินค่าชดเชย เรียกค่าเสียหายจากผู้ประมูลแล้วก็คนที่เกี่ยวข้อง มีอย่างงี้เยอะทั่วทั้งประเทศ ส่วนการตรวจรับงาน ผู้ตรวจรับไม่ได้ไปนั่งเซ็นที่ทำงาน ส่งคนอื่นไป เหมือนในกรณีของผู้ตายที่ต้องไปตรวจรับงาน แล้วก็รับเงินค่าเปอร์เซ็นต์มา เพื่อทำรายงานว่า ตรวจรับแล้วสมบูรณ์แบบ

ด้าน นายประยุทธ์ เย็นอารมณ์ ผู้อำนวยการกองช่าง เทศบาลตำบลนากลาง ได้ให้สัมภาษณที่กรณีที่เนื้อหาในจดหมายกล่าวถึง เผยว่า คำว่า ผู้อำนวยการในจดหมายน่าจะใช่ตน เรื่องที่ผู้ตายเอ่ยถึงให้รับเงิน ตนเป็นคนสั่งจริง แต่เป็นส่วนค่าผู้รับจ้างที่ต้องรับผิดชอบจ่ายค่าทดสอบคอนกรีต ส่วนในจดหมายที่พูดว่ามีลูกจ้างประจำไปไซโค

ยืนยันว่าไม่ใช่ตน แต่เป็นคนอื่น แล้วก็ในเรื่องระบบการทุจริตหลายสิบปีอาจจะมี แต่เวลานี้ไม่มีแล้ว เพราะขณะนี้หน่วยตรวจสอบเยอะ ต้องฟอกตัวเองให้ขาว สามารถตรวจสอบได้ในสัญญา การซื้อการจ้าง ในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง

อาจารย์ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม

ส่วนในกรณีที่มีบริษัทเดียวรับเหมา 7 โครงการ

กรณีที่งานราคาเกินห้าแสนขึ้นไป ต้องเป็นงานมาตามระบบ ส่วนงานที่ต่ำกว่าห้าแสนจะต้องมาตกลงราคา ถ้าหากใครเรียกมาคุยตกลงราคา แล้วสามารถทำได้ก็ทำ ยืนยันเข้ามารับทำได้ทุกคน แต่ว่าราคาต่ำจะรับได้ไหม ส่วนเรื่องการรับหัวคิว ไม่มีแน่นอน มีแต่สั่งรื้ออย่างเดียวถ้าหากไม่ถูก ไม่มีการตรวจรับใดทั้งสิ้น

เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เพราะบางทีน้องผู้เสียชีวิตบางทีอาจจะรับข่าวสารมาไม่ชัดเจน แต่บางทีน้องก็มาปรึกษาตนตลอดเวลา อย่างในกรณีผู้รับจ้างเข้างานช้า แล้วถูกชาวบ้านมาบีบแล้วก็ต่อว่าว่าคุมงานอย่างไรถึงปล่อยให้ทิ้งงาน คาดว่าเป็นเรื่องของเนื้องานบีบให้ผู้ตายอัดอั้นตันใจ ไม่เกี่ยวกับองค์กร แน่นอนสังคมต้องต่อว่าตน แต่ผู้ตายเป็นผู้ทำงานตรง เป็นมือใหม่ที่สะอาด

ส่วนเรื่องการทำงาน ตนไม่ได้บังคับแน่นอน ด้วยเหตุว่าเขาเข้ามาเป็นช่าง มีวิธีการตรวจสอบถูกต้อง ไม่มีการบังคับให้ทำงานผิด หรือบังคับให้รับตรวจสอบหรือรับเงินค่าหัวคิวแน่นอน แต่บางคนมีกดดันน้องว่า เมื่อเอาตัวอย่างคอนกรีตมาแล้ว ก็ต้องไปรับค่าทดสอบเพื่อมาทดสอบ ตำแหน่งใหญ่ไม่มีการสั่งให้รับค่าหัวคิวแน่นอน ยืนยันว่าโปร่งใส ตรวจสอบได้

ขณะที่อาจารย์ปรเมศวร์ บอกว่า การตรวจสอบเอกสารตรวจสอบได้ แต่บางครั้งเอกสารมีการทำย้อนหลังได้ แต่สุดท้ายมันจับพิรุธได้หมด เพราะ สำนักงานคณะกรรมการป้องและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จับได้ด้วยเหตุว่าการลงเวลา เลขรับคดีที่ไม่สัมพันธ์กัน แต่จากความคิดตนที่ได้รับฟังการให้การพยานอย่างนี้ รู้สึกว่ามีการทุจริต

ยืนยันว่าเอกสารที่เขียนเอาผิดได้ ไปถึงสามารถตรวจสอบได้ว่าใครได้ หรือใครไม่ได้ ถ้าหาก สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเข้าตรวจจะรู้เลย ด้วยเหตุว่ามีความเชี่ยวชาญเรื่องการตรวจสอบ คดีปราบปรามทุจริต เราไม่เห็นเขารับเงิน แต่จะเห็นตัวเลขการรับเงินในบัญชี ต้องตรวจสอบ ไล่เส้นทางการเงินหมด บางแห่งสอบเสร็จก็จะเห็นเอง วันนี้ยังตอบไม่ได้ว่ามีการทุจริตหรือเปล่า แต่สอบเสร็จแล้วจะมองเห็นเอง

จดหมายแฉทุจริต

ส่วนในจดหมายที่พูดว่า วิศวกร คนเสียชีวิตต้องรับเงิน

มั่นใจว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่บริษัทจ่ายให้เจ้าหน้าที่ ไปตรวจทดสอบซีเมนต์อันนี้ถูกต้อง เป็นเรื่องของระบบราชการ เหมือนการไปรังวัดที่ดิน แต่ในกรณีการทุจริตให้ค่าหัวคิว การตรวจงานผ่าน จะมีทั้งจ่ายเป็นเงินสดแล้วก็เช็ก แต่สามารถตรวจดูได้ที่ธนาคาร เพราะไม่มีการโอนไปที่เดียว เช็กได้จากเส้นทางการเงินทั้งหมด

ในกรณีที่นายกเทศบาลตำบลนากลาง ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่ถูกกล่าวหาในจดหมาย เรื่องงานของโครงการที่มีเพียงห้างเดียวรับเหมาโครงการต่อเนื่อง ว่า 4 โครงการได้จาก e-bidding แล้วก็อีก 3 โครงการเพราะมีเครื่องมือพร้อม

อาจารย์ปรเมศวร์เผย มันน่าสงสัย 7 โครงการเพราะเหตุใดถึงได้หมด สำหรับ e-bidding ตรวจยังไงก็ครบ เพราะระบบอิเล็กทรอนิกส์ตรวจง่าย อย่างคดีที่ทำมาก็เป็นแบบงี้ ยกตัวอย่าง 4-5 บริษัท ผู้ที่มายื่นเป็นคนเดียวกัน ก็สามารถทำได้ เพราะรับมอบอำนาจมาได้ถูกต้อง แต่พอดูเอกสารก็เห็นว่ามาจากที่เดียวกัน ต้องดูสอบไปถึงรายชื่อกรรมการผู้ถือหุ้น จะรู้ได้โดยทันทีว่าคนยื่นเกี่ยวข้องกัน ในลักษณะไหน ส่วนใหญ่คดีก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเหมือนยื่นให้ดูมีคู่แข่ง แต่ความจริงแล้วมาจากที่เดียวกัน

สำหรับอีก 3 งานที่ไม่มีใครรับ อันนี้ยาก เพราะจะเรียกใครมาต่อราคาไม่ได้ ต้องมีคู่แข่ง ถ้าหากมีคนเดียวต้องยกเลิก ด้วยเหตุดังกล่าวถ้าหากไม่ต้องการยกเลิกก็ต้องหาคู่แข่งขันมา ด้วยเหตุดังกล่าวต้องตรวจสอบให้ลึก

ด้วยเหตุว่ามีการปลอมเอกสาร บ่อยครั้งที่ตรวจสอบเอกสารจะพบว่า มีคนคนเดียวทำเอกสาร ต้องสอบให้ลึกแล้วจะเห็นเอง เพราะปกติเองต้องไม่มี 7 โครงการทำยาว ยิ่งในจังหวัดหนองบัวลำภู ดินถล่มบ่อยครั้งคงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีบริษัทเดียว อีกทั้งยังสามารถประมูลงานข้ามจังหวัดได้ เพราะฉะนั้นต้องมีการตรวจดูความเป็นจริงต่อไป

อย่างไรก็แล้วแต่ สามารถติดตามรายการ “เปิดปากกับภาคภูมิ” พร้อมกันได้ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.